โหมดของแอร์ ที่เราอาจยังไม่เคยลองใช้
2 ปีที่ผ่านมา
Auto Mode (โหมดอัตโนมัติ)
Auto Mode หรือ โหมดอัตโนมัติ เป็นโหมดที่สะดวกต่อการใช้งาน ไม่ต้องปรับให้ยุ่งยาก โดยมันจะสลับโหมดการใช้งานเป็นโหมดอื่นๆ ตามสภาพแวดล้อมภายในห้องให้เราด้วย ซึ่งเหมาะกับห้องที่มีคนอยู่หลายคนและมีการเดินเข้าเดินออก ไม่เหมาะกับห้องที่อยู่เพียงคนเดียว ไม่อยากปรับแอร์มากนัก แต่อยากเย็นกายสบายใจแบบง่ายๆ เพียงแค่กดสวิทช์เปิด-ปิด อากาศภายในห้องก็เย็นสบาย
กระบวนการทำงาน
การทำงานของ โหมด Auto จะเป็นการปรับระดับทั้งตัวคอมเพรสเซอร์ และ ตัวพัดลม เมื่ออุณหภูมิไปถึงในจุดที่กำหนดไว้ พูดง่ายๆ คือ เมื่อเราเปิดแอร์แล้ว พัดลมแอร์จะทำหน้าที่หมุนเร็วๆ เพื่อที่จะให้ห้องของเรานั้นเย็นในขนาดกำลังที่พอเหมาะ เมื่อห้องเย็นแล้วก็จะปรับไปที่ โหมด Cool หรือ Dry โดยอัตโนมัติ โดยตัวระบบจะเป็นฝ่ายกำหนดอุณหภูมิ และความเร็วพัดลมให้เอง ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิห้องที่เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิตรวจพบได้ในตอนนั้น
ควรใช้ตอนไหนให้ถูกวิธี
ด้วยความที่มันเป็นโหมดอัตโนมัติอยู่แล้ว เราไม่ต้องไปตั้งค่าหรือปรับอะไรมากมายเลย เพียงแค่กดปุ่มสวิทช์เปิด - ปิดทิ้งเอาไว้สัก 20 นาทีก็ได้ ห้องเราก็จะมีอากาศที่เย็นสบาย ใช้งานได้ง่ายกับเด็ก หรือผู้สูงอายุที่ไม่เข้าใจในการใช้รีโมทปรับแอร์ได้
Cool Mode (โหมดทำความเย็น)
Cool Mode หรือ โหมดทำความเย็น เป็นโหมดการทำงานที่เรานิยมใช้กันมากที่สุดเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับอุณหภูมิได้ตามที่ใจต้องการ อีกทั้งยังสามารถปรับระดับความเร็วพัดลมได้อีกด้วย ถ้าเราเป็นคนขี้ร้อน อยากได้ห้องที่แอร์เย็นฉ่ำได้แบบทันใจ หรือปรับให้ห้องอุ่นสบายกำลังดีสำหรับคนที่ไม่ชอบอากาศหนาวๆ ได้หมด
กระบวนการทำงาน
การทำงานของโหมดนี้ก็จะปรับอุณหภูมิตามที่เราตั้งค่า และเมื่อถึงจุดที่กำหนด ก็จะปิดการทำงานของคอมเพรสเซอร์ลง เหลือไว้แค่ใบพัดลมดูดอากาศในเครื่องที่เปิดไว้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้อากาศมีการหมุนเวียน ถ้าอธิบายอย่างง่ายๆ คือ ถ้าเราปรับอุณหภูมิไว้ที่ 26 องศา แอร์ของเราก็จะไต่ระดับอุณหภูมิขึ้นไปให้ถึง เมื่ออุณหภูมิภายในห้องถึง 26 องศาเมื่อไหร่ เครื่องปรับอากาศก็จะตัดทันที เพื่อที่อุณหภูมิในห้องเราจะอยู่ที่ 26 องศา
ควรใช้ตอนไหนให้ถูกวิธี
- เครื่องปรับอากาศแบบธรรมดา(Non-Inverter Air Conditioner) เหมาะกับห้องที่ โล่งกว้าง มีการเข้าออกบ่อยๆ เช่น ห้องทานข้าว, ห้องครัว, ห้องนั่งเล่น หรือแม้แต่ใน ห้องรับแขก เป็นต้น เพราะเป็นห้องที่ใช้งานไม่กี่ชั่วโมง และการที่ระบบปรับอุณหภูมิไม่คงที่อยู่แล้ว คนเข้าออกบ่อย ก็ไม่มีผลมากนัก
- เครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ (Inverter Air Conditioner) เป็นการปรับระดับชะลอการทำงานของคอมเพรสเซอร์แทน ส่วนการกินไฟก็ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิที่เราตั้งค่าเอาไว้ โดยตามหลักทั่วไปจะแนะนำ 24 - 26 องศาเซลเซียส เป็นห้องที่ไม่ควรมีการเข้าออกบ่อยๆ เพื่อให้เครื่องได้รักษาระดับอุณหภูมิไว้อย่างต่อเนื่อง เช่น ห้องนอน, ห้องทำงาน หรือในออฟฟิศสำนักงาน
Dry Mode (โหมดควบคุมความชื้น หรือ โหมดแห้ง)
Dry Mode หรือ โหมดความคุมความชื้น ผู้ใช้งานจะไม่สามารถปรับตั้งอุณหภูมิได้ เมื่ออยู่ในโหมดควบคุมความชื้น และแอร์ก็จะทำหน้าที่เป็นเหมือนเครื่องลดความชื้นในอากาศ โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศไม่เป็นมิตรต่อสุขภาพ หรือ คนที่มีสุขภาพไม่ดีก็ควรใช้โหมดนี้ ซึ่งโหมดแอร์ Dry จะมีความแตกต่างจาก Cool Mode คือความเย็นจะไม่ฉ่ำเท่า
กระบวนการทำงาน
การทำงานของ โหมด Dry สามารถควบคุมความชื้นในอากาศได้ โดยใช้การควบแน่นของความชื้นในอากาศที่เกิดขึ้นบนแผงทำความเย็น ทำให้สามารถดึงความชื้นภายในห้องมากลั่นตัวเป็นหยดน้ำไหลออกทางท่อน้ำทิ้งของเครื่องปรับอากาศได้มากขึ้นนั่นเอง ถึงแม้ว่าคอมเพรสเซอร์ที่อยู่ในชุดที่ติดตั้งอยู่นอกอาคารยังคงทำงานอยู่ แต่พัดลมที่อยู่ในชุดคอยล์เย็นอาจจะมีการทำงานสลับ กับการหยุดทำงานเป็นช่วงๆ เพื่อเป็นการดึงความชื้นในอากาศให้ถูกกลั่นตัวเป็นหยดน้ำให้ได้เช่นกัน
ควรใช้ตอนไหนให้ถูกวิธี
ให้เราลองสังเกตได้เวลาที่ฝนตก แอร์มันจะไม่ค่อยเย็น และเราอาจรู้สึกอากาศมันไม่ค่อยมี มันอึดอัดๆ ยังไงไม่รู้ Dry Mode จึงเป็นอีกโหมดที่สามารถช่วยในส่วนนี้ได้ เพราะมันเพิ่มความเย็นให้เฉพาะตัวแผงคอยล์ ให้เกิดการควบแน่นดักจับไอน้ำ รวมถึงเปิดพัดลมอ่อนๆ เพื่อให้อากาศถ่ายเทมากขึ้น โหมดนี้จะประหยัดกว่า Cool Mode และเราไม่สามารถปรับองศาในโหมดนี้ได้ โดยส่วนมากแต่ละรุ่นจะตั้งองศาให้โหมดนี้ไม่เหมือนกัน บางรุ่นอาจเป็น 24 หรือ 25 องศาเซลเซียส
Fan Mode (โหมดพัดลม)
Fan Mode หรือ โหมดพัดลม ทำงานเป็นพัดลมให้กับเรา เราสามารถปรับความเร็วของพัดลมได้เท่านั้น ไม่สามารถปรับอุณหภูมิได้ ถ้าใครไม่รู้ตัวว่าเราเปิดโหมดพัดลม ก็จะคิดว่าแอร์พังหรือเปล่า ทำไมมันไม่เย็น
กระบวนการทำงาน
เปิดโหมดนี้เท่ากับปิดการทำงานของคอมเพรสเซอร์เอาไว้ โดยการทำงานของโหมดนี้จะปล่อยเพียงแค่ลมออกมาเท่านั้น และลมที่ปล่อยออกมาจะเป็นอุณหภูมิห้อง ไม่ได้มีความเย็นออกมาด้วย
ควรใช้ตอนไหนให้ถูกวิธี
ใครที่กำลังเจอ ปัญหากลิ่นเหม็นอับที่ออกมาจากแอร์ ก็ลองใช้งานโหมดนี้ดูได้ เมื่อเราใช้แอร์เสร็จ หรือเป็นช่วงที่ใกล้จะปิดแอร์ ก่อนจะปิดแอร์เปิด โหมด Fan ต่อไปอีกสัก 15 - 20 นาที แล้วค่อยปิดเครื่อง ก็จะช่วย ลดความชื้นสะสม ทำให้กลิ่นอับที่ไม่พึงประสงค์เบาลงได้ และถ้าเราเปิดโหมดนี้ในฤดูหนาวจะเย็นสบายเลย เพราะพัดลมจะดูดอากาศหนาวเข้ามาถ่ายเท แถมประหยัดไฟด้วยเพราะไม่ต้องให้คอมเพรสเซอร์ทำงาน
Heat Mode (โหมดทำความร้อน)
Heat Mode หรือ โหมดทำความร้อน จะไม่ค่อยเห็นในเมืองไทยซักเท่าไร เพราะมันจำกัดเฉพาะในแอร์รุ่นท็อประดับบนๆ ของแต่ละยี่ห้อเท่านั้น มันก็เป็นอีกโหมด ถ้านับสภาพอากาศที่ประเทศไทย ถือว่าไม่จำเป็นในการนำมาใช้งานทั่วๆไป เพราะขนาดพื้นที่ ที่มีอากาศหนาวสุดในประเทศไทยก็ไม่ได้หนาวมาก หรือหนาวนานหลายวัน
กระบวนการทำงาน
การทำงานจะตรงกันข้ามกับ Cool Mode คือ เปิดคอมเพรสเซอร์ทำความร้อน จะใช้เทคโนโลยีการทำความร้อนที่เรียกว่า Heat Pump ถ้าอธิบายพอเข้าใจได้ง่ายๆ ก็ คือเป็นการทำงานแบบกลับทิศทาง สลับหน้าที่กันระหว่างแผงคอยล์ร้อน และแผงคอยล์เย็น และเปิดพัดลมในการหมุนเวียนอากาศอุ่นภายในห้อง ทำให้อบอุ่นในฤดูหนาว
ควรใช้ตอนไหนให้ถูกวิธี
มันเป็นที่รู้จักและใช้งานในกลุ่มประเทศที่มีอากาศหนาว เป็นโหมดที่ให้ความอบอุ่น ทำงานเหมือนเป็นฮีทเตอร์ในรูปแบบของแอร์ มันเหมาะกับประเทศที่มีอากาศหนาวมากกว่าประเทศไทย และยังสามารถสลับมาทำความเย็นได้ในช่วงที่มีอากาศร้อนได้ด้วย
Auto Mode หรือ โหมดอัตโนมัติ เป็นโหมดที่สะดวกต่อการใช้งาน ไม่ต้องปรับให้ยุ่งยาก โดยมันจะสลับโหมดการใช้งานเป็นโหมดอื่นๆ ตามสภาพแวดล้อมภายในห้องให้เราด้วย ซึ่งเหมาะกับห้องที่มีคนอยู่หลายคนและมีการเดินเข้าเดินออก ไม่เหมาะกับห้องที่อยู่เพียงคนเดียว ไม่อยากปรับแอร์มากนัก แต่อยากเย็นกายสบายใจแบบง่ายๆ เพียงแค่กดสวิทช์เปิด-ปิด อากาศภายในห้องก็เย็นสบาย
กระบวนการทำงาน
การทำงานของ โหมด Auto จะเป็นการปรับระดับทั้งตัวคอมเพรสเซอร์ และ ตัวพัดลม เมื่ออุณหภูมิไปถึงในจุดที่กำหนดไว้ พูดง่ายๆ คือ เมื่อเราเปิดแอร์แล้ว พัดลมแอร์จะทำหน้าที่หมุนเร็วๆ เพื่อที่จะให้ห้องของเรานั้นเย็นในขนาดกำลังที่พอเหมาะ เมื่อห้องเย็นแล้วก็จะปรับไปที่ โหมด Cool หรือ Dry โดยอัตโนมัติ โดยตัวระบบจะเป็นฝ่ายกำหนดอุณหภูมิ และความเร็วพัดลมให้เอง ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิห้องที่เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิตรวจพบได้ในตอนนั้น
ควรใช้ตอนไหนให้ถูกวิธี
ด้วยความที่มันเป็นโหมดอัตโนมัติอยู่แล้ว เราไม่ต้องไปตั้งค่าหรือปรับอะไรมากมายเลย เพียงแค่กดปุ่มสวิทช์เปิด - ปิดทิ้งเอาไว้สัก 20 นาทีก็ได้ ห้องเราก็จะมีอากาศที่เย็นสบาย ใช้งานได้ง่ายกับเด็ก หรือผู้สูงอายุที่ไม่เข้าใจในการใช้รีโมทปรับแอร์ได้
Cool Mode (โหมดทำความเย็น)
Cool Mode หรือ โหมดทำความเย็น เป็นโหมดการทำงานที่เรานิยมใช้กันมากที่สุดเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับอุณหภูมิได้ตามที่ใจต้องการ อีกทั้งยังสามารถปรับระดับความเร็วพัดลมได้อีกด้วย ถ้าเราเป็นคนขี้ร้อน อยากได้ห้องที่แอร์เย็นฉ่ำได้แบบทันใจ หรือปรับให้ห้องอุ่นสบายกำลังดีสำหรับคนที่ไม่ชอบอากาศหนาวๆ ได้หมด
กระบวนการทำงาน
การทำงานของโหมดนี้ก็จะปรับอุณหภูมิตามที่เราตั้งค่า และเมื่อถึงจุดที่กำหนด ก็จะปิดการทำงานของคอมเพรสเซอร์ลง เหลือไว้แค่ใบพัดลมดูดอากาศในเครื่องที่เปิดไว้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้อากาศมีการหมุนเวียน ถ้าอธิบายอย่างง่ายๆ คือ ถ้าเราปรับอุณหภูมิไว้ที่ 26 องศา แอร์ของเราก็จะไต่ระดับอุณหภูมิขึ้นไปให้ถึง เมื่ออุณหภูมิภายในห้องถึง 26 องศาเมื่อไหร่ เครื่องปรับอากาศก็จะตัดทันที เพื่อที่อุณหภูมิในห้องเราจะอยู่ที่ 26 องศา
ควรใช้ตอนไหนให้ถูกวิธี
- เครื่องปรับอากาศแบบธรรมดา(Non-Inverter Air Conditioner) เหมาะกับห้องที่ โล่งกว้าง มีการเข้าออกบ่อยๆ เช่น ห้องทานข้าว, ห้องครัว, ห้องนั่งเล่น หรือแม้แต่ใน ห้องรับแขก เป็นต้น เพราะเป็นห้องที่ใช้งานไม่กี่ชั่วโมง และการที่ระบบปรับอุณหภูมิไม่คงที่อยู่แล้ว คนเข้าออกบ่อย ก็ไม่มีผลมากนัก
- เครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ (Inverter Air Conditioner) เป็นการปรับระดับชะลอการทำงานของคอมเพรสเซอร์แทน ส่วนการกินไฟก็ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิที่เราตั้งค่าเอาไว้ โดยตามหลักทั่วไปจะแนะนำ 24 - 26 องศาเซลเซียส เป็นห้องที่ไม่ควรมีการเข้าออกบ่อยๆ เพื่อให้เครื่องได้รักษาระดับอุณหภูมิไว้อย่างต่อเนื่อง เช่น ห้องนอน, ห้องทำงาน หรือในออฟฟิศสำนักงาน
Dry Mode (โหมดควบคุมความชื้น หรือ โหมดแห้ง)
Dry Mode หรือ โหมดความคุมความชื้น ผู้ใช้งานจะไม่สามารถปรับตั้งอุณหภูมิได้ เมื่ออยู่ในโหมดควบคุมความชื้น และแอร์ก็จะทำหน้าที่เป็นเหมือนเครื่องลดความชื้นในอากาศ โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศไม่เป็นมิตรต่อสุขภาพ หรือ คนที่มีสุขภาพไม่ดีก็ควรใช้โหมดนี้ ซึ่งโหมดแอร์ Dry จะมีความแตกต่างจาก Cool Mode คือความเย็นจะไม่ฉ่ำเท่า
กระบวนการทำงาน
การทำงานของ โหมด Dry สามารถควบคุมความชื้นในอากาศได้ โดยใช้การควบแน่นของความชื้นในอากาศที่เกิดขึ้นบนแผงทำความเย็น ทำให้สามารถดึงความชื้นภายในห้องมากลั่นตัวเป็นหยดน้ำไหลออกทางท่อน้ำทิ้งของเครื่องปรับอากาศได้มากขึ้นนั่นเอง ถึงแม้ว่าคอมเพรสเซอร์ที่อยู่ในชุดที่ติดตั้งอยู่นอกอาคารยังคงทำงานอยู่ แต่พัดลมที่อยู่ในชุดคอยล์เย็นอาจจะมีการทำงานสลับ กับการหยุดทำงานเป็นช่วงๆ เพื่อเป็นการดึงความชื้นในอากาศให้ถูกกลั่นตัวเป็นหยดน้ำให้ได้เช่นกัน
ควรใช้ตอนไหนให้ถูกวิธี
ให้เราลองสังเกตได้เวลาที่ฝนตก แอร์มันจะไม่ค่อยเย็น และเราอาจรู้สึกอากาศมันไม่ค่อยมี มันอึดอัดๆ ยังไงไม่รู้ Dry Mode จึงเป็นอีกโหมดที่สามารถช่วยในส่วนนี้ได้ เพราะมันเพิ่มความเย็นให้เฉพาะตัวแผงคอยล์ ให้เกิดการควบแน่นดักจับไอน้ำ รวมถึงเปิดพัดลมอ่อนๆ เพื่อให้อากาศถ่ายเทมากขึ้น โหมดนี้จะประหยัดกว่า Cool Mode และเราไม่สามารถปรับองศาในโหมดนี้ได้ โดยส่วนมากแต่ละรุ่นจะตั้งองศาให้โหมดนี้ไม่เหมือนกัน บางรุ่นอาจเป็น 24 หรือ 25 องศาเซลเซียส
Fan Mode (โหมดพัดลม)
Fan Mode หรือ โหมดพัดลม ทำงานเป็นพัดลมให้กับเรา เราสามารถปรับความเร็วของพัดลมได้เท่านั้น ไม่สามารถปรับอุณหภูมิได้ ถ้าใครไม่รู้ตัวว่าเราเปิดโหมดพัดลม ก็จะคิดว่าแอร์พังหรือเปล่า ทำไมมันไม่เย็น
กระบวนการทำงาน
เปิดโหมดนี้เท่ากับปิดการทำงานของคอมเพรสเซอร์เอาไว้ โดยการทำงานของโหมดนี้จะปล่อยเพียงแค่ลมออกมาเท่านั้น และลมที่ปล่อยออกมาจะเป็นอุณหภูมิห้อง ไม่ได้มีความเย็นออกมาด้วย
ควรใช้ตอนไหนให้ถูกวิธี
ใครที่กำลังเจอ ปัญหากลิ่นเหม็นอับที่ออกมาจากแอร์ ก็ลองใช้งานโหมดนี้ดูได้ เมื่อเราใช้แอร์เสร็จ หรือเป็นช่วงที่ใกล้จะปิดแอร์ ก่อนจะปิดแอร์เปิด โหมด Fan ต่อไปอีกสัก 15 - 20 นาที แล้วค่อยปิดเครื่อง ก็จะช่วย ลดความชื้นสะสม ทำให้กลิ่นอับที่ไม่พึงประสงค์เบาลงได้ และถ้าเราเปิดโหมดนี้ในฤดูหนาวจะเย็นสบายเลย เพราะพัดลมจะดูดอากาศหนาวเข้ามาถ่ายเท แถมประหยัดไฟด้วยเพราะไม่ต้องให้คอมเพรสเซอร์ทำงาน
Heat Mode (โหมดทำความร้อน)
Heat Mode หรือ โหมดทำความร้อน จะไม่ค่อยเห็นในเมืองไทยซักเท่าไร เพราะมันจำกัดเฉพาะในแอร์รุ่นท็อประดับบนๆ ของแต่ละยี่ห้อเท่านั้น มันก็เป็นอีกโหมด ถ้านับสภาพอากาศที่ประเทศไทย ถือว่าไม่จำเป็นในการนำมาใช้งานทั่วๆไป เพราะขนาดพื้นที่ ที่มีอากาศหนาวสุดในประเทศไทยก็ไม่ได้หนาวมาก หรือหนาวนานหลายวัน
กระบวนการทำงาน
การทำงานจะตรงกันข้ามกับ Cool Mode คือ เปิดคอมเพรสเซอร์ทำความร้อน จะใช้เทคโนโลยีการทำความร้อนที่เรียกว่า Heat Pump ถ้าอธิบายพอเข้าใจได้ง่ายๆ ก็ คือเป็นการทำงานแบบกลับทิศทาง สลับหน้าที่กันระหว่างแผงคอยล์ร้อน และแผงคอยล์เย็น และเปิดพัดลมในการหมุนเวียนอากาศอุ่นภายในห้อง ทำให้อบอุ่นในฤดูหนาว
ควรใช้ตอนไหนให้ถูกวิธี
มันเป็นที่รู้จักและใช้งานในกลุ่มประเทศที่มีอากาศหนาว เป็นโหมดที่ให้ความอบอุ่น ทำงานเหมือนเป็นฮีทเตอร์ในรูปแบบของแอร์ มันเหมาะกับประเทศที่มีอากาศหนาวมากกว่าประเทศไทย และยังสามารถสลับมาทำความเย็นได้ในช่วงที่มีอากาศร้อนได้ด้วย
แอร์, เครื่องปรับอากาศ, โหมดแอร์, โหมด, heat mode, โหมดทำความร้อน, heat pump, fan mode, fan, โหมดพัดลม, พัดลม, อุณหภูมิ, กระบวนการทำงาน, ลม, กลิ่นเหม็นอับ, ความชื้น, dry mode, dry, โหมดแห้ง, โหมดควบคุมความชื้น, cool mode, cool, โหมดทำความเย็น, auto mode, auto, โหมดอัตโนมัติ
AirGuru อะไหล่ตามสั่ง
สมัครสมาชิกร้านนี้ เพื่อรับสิทธิพิเศษ
▲
▼
รายการสั่งซื้อของฉัน
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
AirGuru อะไหล่ตามสั่ง
อะไหล่เครื่องใช้ไฟฟ้า (แอร์ ตู้เย็น ตู้แช่ เครื่องซักผ้า ฯลฯ) ออนไลน์ครบถ้วนสำหรับทุกความต้องการ ของแท้ทุกชิ้น จัดจำหน่ายโดยตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ขอแค่บอกมาเราจัดให้ถึงบ้าน ยุคนี้ไม่ต้องเสียค่าน้ำมันออกรถมาซื้ออีกแล้ว
เบอร์โทร : 0889789461
อีเมล : airguru.shop@gmail.com
อีเมล : airguru.shop@gmail.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
ค้นหาสินค้าในร้านนี้
ค้นหาสินค้า
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้
↑
TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
สินค้าในตะกร้า ({{total_num}} รายการ)
ขออภัย ขณะนี้ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า
ราคาสินค้าทั้งหมด
฿ {{price_format(total_price)}}
- ฿ {{price_format(discount.price)}}
ราคาสินค้าทั้งหมด
{{total_quantity}} ชิ้น
฿ {{price_format(after_product_price)}}
ราคาไม่รวมค่าจัดส่ง
➜ เลือกซื้อสินค้าเพิ่ม